แบรนด์ “SIRIVANNAVARI” โดย “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” เปิดบ้านต้อนรับเหล่าอาร์ตเลิฟเวอร์สในช่วงเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ (Bangkok Design Week) กับนิทรรศการแฟชั่นและงานปักชั้นสูง “STITCH” Rhythm of the Threads Exhibition by Sirivannavari Atelier & Academy จัดแสดงขึ้นเป็นครั้งแรก และเปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชม ณ บ้านเลขที่ 1 ซอยเจริญกรุง 30 ตั้งแต่วันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2568
ภายในนิทรรศการแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการจัดแสดงชุดเสื้อผ้าจากคอลเลกชันของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI”, ชุดราตรีผ้าไหม ที่มีทั้งชิ้นงานเก็บสะสมในคลังผลงานอันทรงคุณค่าของแบรนด์ และผลงานจากคอลเลกชันปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 14 ชุด ซึ่ง แต่ละชุดนำเสนอเทคนิคงานปักอันประณีตในหลากรูปแบบ โดยทีมช่างผู้ชำนาญจากสถาบัน “Sirivannavari Atelier & Academy” ก่อตั้งโดยองค์ดีไซเนอร์ ตั้งแต่ปี 2016 ด้วยพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ที่ต้องการพัฒนาบุคลากรในด้านงานฝีมือในการปัก โดยผสมผสานเสน่ห์ดั้งเดิมแห่งความเป็นไทย และเทคนิคงานปักแบบฝรั่งเศส อันเป็นสากลแห่งสถาบัน Maison Lesage
“จริงๆแล้วทั่วโลกมีงานปักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งประเทศเราก็เด่นเรื่องงานปักเช่นกัน แต่จะเป็นงานปักชุดโขน สะดึงกลึงไหม ซึ่งเป็นงานปักผ้าตามแบบราชสำนักไทยโบราณ เป็นงานประณีตศิลป์ตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่สืบทอดนับร้อยปี เป็นลักษณะทึบและลักษณะเซอร์เฟซค่อนข้างหนัก ถ้าเป็นงานลักษณะเฉพาะของศิลปาชีพจะเป็นลักษณะการปักแบบซอยไหม เทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจคือใช้ไหมย้อมสีธรรมชาติ แล้วค่อยๆซอยเข้าไป อีกอันหนึ่งคือปักบนเซอร์เฟซวัสดุต่างๆ งานไทยที่น่าสนใจและฝรั่งไม่เคยทำ เรากำลังรื้อกลับมาทำใหม่ ก็คือการถักตาชุน เป็นเทคนิคการถักไหมทองเป็นตาข่ายโปร่งบาง ท่านหญิงจะบอกทุกคนว่าเราเป็นช่างปักไทยจะต้องรู้พื้นฐานของงานปักไทยก่อน ไม่ว่าวัสดุนั้นจะรับอิทธิพลมาจากไหน
เช่น ฝรั่งเศส และอินเดีย จากนั้นค่อยดูว่ามารวมกันแล้วสามารถทำเป็นเซอร์เฟซดีไซน์ให้เป็น 3D หรือ 2D ผสมวัสดุอะไรได้บ้าง แล้วค่อยเริ่มใช้วัสดุที่เบาขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็เป็นขนนก หรืออย่างชุดที่เป็นวัสดุสไบสองชายก็ใช้ไอเดียไทยเลย ตัวชายที่อยู่ด้านหลังรวมสองเทคนิคทั้งไทยและฝรั่งเศส แล้วเราก็เอา 3–4 เทคนิคมารวมกัน โดยขอให้เบาขึ้นมาหน่อย ลองเอากระจกมาตัดแล้วลองมานั่งวางกันไหม ท่านหญิงจะให้คอนเซปต์ว่ายังไงต้องมีเทคนิคไทยร่วมด้วยเสมอ นักเรียนทุกคนของสถาบันเราต้องรู้จักวัฒนธรรมของประเทศไทย แล้วดึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นออกมา ทำออกมาให้เบาที่สุดและบางที่สุด เพื่อให้ได้ฟีลไลต์ไม่รู้สึกเป็นตะเข็บ ใส่แล้วต้องเนียนไปกับตัวมากที่สุด”...องค์ดีไซเนอร์พระราชทานสัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังของนิทรรศการ ซึ่งหลอมรวมเอาทักษะและภูมิปัญญาของโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
อีกหนึ่งไฮไลต์น่าชมคือ ชุดฉลองพระองค์อันงดงามจากการปักด้วยมืออย่างประณีต ผสานศิลปะโอริกามิ จำนวน 1 ชุด ซึ่งองค์ดีไซเนอร์พระราชทานให้นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ดูราวกับมีชีวิตเมื่อผู้ชมได้ชมเทคนิคการปักมือชั้นสูงผ่านเลนส์ภาพยนตร์ ช่างฝีมือบรรจงปักในทุกฝีเข็มนานนับชั่วโมงด้วยความทุ่มเทเพื่อเนรมิตแต่ละชุดขึ้นมาได้อย่างวิจิตรตระการตา
นิทรรศการในส่วนที่สองจะพาผู้ชมไปพบกับสตูดิโอจำลองของช่างฝีมือ อันเต็มไปด้วยเครื่องมือการปัก, ตัวอย่างงานปักแบบต่างๆ ตลอดจนการสาธิตเทคนิคการปักมือให้ชมอย่างใกล้ชิด อีกทั้งผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ชิ้นงานปัก และได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปักทั้ง 4 ประเภท คือ เทคนิคการปักผ้าด้วยเข็มฝรั่งเศส (Lunéville) ที่ใช้ในยุโรปมายาวนาน, การปักผ้าด้วยดิ้นโลหะ (Goldwork), การปักผ้าด้วยเส้นใยแบบต่างๆ (Needlework) และการปักผ้าด้วยเทคนิคผสมผสานและร่วมสมัย (Contemporary Embroidery)
นิทรรศการ “STITCH” Rhythm of the Threads Exhibition by Sirivannavari Atelier & Academy เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00-20.00 น. ณ บ้านเลขที่ 1 ซอยเจริญกรุง 30.
..........................................
ข้อมูลโดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ก.พ. 2568 06:00 น.