เป็นที่ทราบกันดีว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” สนพระทัยงานด้านศิลปาชีพฯมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์โดยเสด็จสมเด็จย่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ไปทรงเยี่ยม และพระราชทานกำลังใจแก่สมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะชุมชนทอผ้าที่ถักทอด้วยฝีมือของชาวนาชาวไร่ ด้วยพระปณิธานอันยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมอาชีพให้แก่กลุ่มทอผ้าในทุกภูมิภาคของประเทศ จึงได้พระราชทานแนวพระดำริในการพัฒนาต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยให้มีความร่วมสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล โดยทรงชักชวนนักออกแบบแถวหน้าระดับประเทศ มาระดมความคิดและมอบคำแนะนำให้แก่ผู้ประกอบการด้านผ้าไทย ในการเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบ อีกทั้งทรงสนับสนุนการฟื้นคืนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อให้ช่างทอผ้ามีธนาคารเส้นใย ทรงสนับสนุนให้ย้อมสีเส้นใยและผืนผ้าด้วยสีธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้สวมใส่
จากการเสด็จไปทอดพระเนตรผลงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองในทุกภูมิภาคของประเทศไทย พระองค์ได้พระราชทานโครงการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส สนับสนุนให้ประชาชนชาวไทยได้สวมใส่ผ้าไทยกันอย่างแพร่หลาย เริ่มต้นด้วยการพัฒนาลายผ้าที่ต่อยอดจากลวดลายพื้นถิ่นอย่างร่วมสมัย เสริมด้วยการจับคู่สีที่ทันสมัยและเป็นแฟชั่น พร้อมพระราชทานคำแนะนำทางด้านการฝึกอบรม และช่องทางการตลาดรูปแบบใหม่
ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการผ้าไทยคือ ผ้าลายพระราชทานเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ที่ผ่านการศึกษาค้นคว้าลวดลายผ้าโบราณจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และทรงนำมาออกแบบผสมผสานเกิดเป็นลวดลายผืนผ้าต้นแบบที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ทุกองค์ประกอบของลวดลายล้วนเปี่ยมไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เริ่มตั้งแต่ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี, ผ้าบาติกลายปาเต๊ะร่วมใจเทิดไท้เจ้าหญิง, ผ้าบาติกลายป่าแดนใต้, ผ้าบาติกลายท้องทะเลไทย, ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา, ผ้าลายดอกรักราชกัญญา ไปจนถึงผ้าลายสิริวชิราภรณ์ ที่พระราชทานแก่ศิลปินช่างทอผ้าและหัตถกรรมไทย ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา เพื่อเป็นการจุดประกายในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ นำไปต่อยอดได้อย่างไม่จำกัดรูปแบบ เกิดผลลัพธ์เป็นผ้าลายพระราชทานรูปแบบที่หลากหลายสุดวิจิตร ยกระดับวงการผ้าไทยด้วยมูลค่าเพิ่มของผืนผ้า สร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชน ชุบชีวิตต่อลมหายใจของช่างทอผ้าให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีเกียรติ และมีความภาคภูมิใจในตนเอง ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาสืบสานงานที่บรรพบุรุษและชุมชนได้สร้างสรรค์เป็นมรดกอันล้ำค่าฝากไว้ให้แผ่นดิน
พระอัจฉริยภาพอันโดดเด่นยังแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด เมื่อพระองค์ได้รับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย โดยมีพระปณิธานที่จะอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมผ้าทอในแต่ละท้องถิ่น ด้วยการต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมให้มีความร่วมสมัย ทรงค้นคว้าองค์ความรู้และควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้ดังกล่าวให้แก่ช่างทอผ้า, ผู้ประกอบการ, นักออกแบบ, นักศึกษา และประชาชนชาวไทยที่มีหัวใจรักผ้าไทย ตลอดจนอุตสาหกรรมสิ่งทอ, แฟชั่น, ศิลปะ และการออกแบบ นำไปใช้เป็นข้อมูลในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างกว้างขวาง มีการนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังของกลุ่มสีที่เป็นเทรนด์ปัจจุบันของโลก และผืนผ้าที่ผ่านการคัดสรรด้วยพระองค์เอง ส่งผลให้เกิดความตื่นตัวในการสร้างสรรค์ผืนผ้ายกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่าระดับสากล
ทุกคราที่เสด็จไปทรงเยี่ยมและพระราชทานกำลังใจแก่ผู้ผลิต, ผู้ประกอบการ OTOP และช่างทอผ้า ทรงชักชวนนักออกแบบแถวหน้าของประเทศ, คณะที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และคณะผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง มาร่วมบูรณาการองค์ความรู้เป็นการเฉพาะ มอบคำปรึกษาให้แก่ผู้ผลิต,ผู้ประกอบการ OTOP และช่างทอผ้า เพื่อยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์, เทรนด์สีสัน, เทรนด์แฟชั่นผ้าไทย, การออกแบบคอลเลกชันผ้าไทย, การเลือกใช้เส้นใยที่มีคุณภาพ, การพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับผ้าไทย และการสร้างแบรนด์ในระดับสากล ส่งผลดีแก่ผู้ประกอบการและช่างทอให้ได้มีโอกาสเรียนรู้และสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีความร่วมสมัย ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นับได้ว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ทรงสนองพระราชปณิธานใน “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ในเรื่องของการต่อยอดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการส่งเสริมให้เกิดการพึ่งพาตนเองทางด้านปลูกฝ้าย, การปลูกต้นหม่อน, การเลี้ยงหนอนไหม, ปลูกพืชพรรณที่ให้สีธรรมชาติ พระราชทานคำแนะนำ โดยทรงนำอุปสงค์ความต้องการสวมใส่ผ้าไทยมากระตุ้นในส่วนของอุปทาน เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถสวมใส่ผ้าไทยได้ในทุกโอกาส ด้วยแนวพระดำริที่ว่า หากคนทุกเพศทุกวัยจะสวมใส่ผ้าไทยได้ ควรมีการออกแบบที่ดีมากระตุ้นให้ช่างทอผ้าได้เรียนรู้ว่า ความต้องการจะเพิ่มขึ้น ถ้าทอผ้าตัดชุดให้ได้ตรงกับความต้องการ โดยนำลวดลายดั้งเดิมของบรรพบุรุษมาผสมผสานให้มีความร่วมสมัย สอดคล้องกับเทรนด์ระดับสากล ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสความนิยมการสวมใส่ผ้าไทยอย่างแพร่หลาย ในทุกตำบล, ทุกอำเภอ, ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตลอดจนสามารถต่อยอดเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่งานศิลปหัตถกรรมไทยในเชิงธุรกิจได้อย่างกว้างขวาง
พระองค์ยังทรงเป็นต้นแบบของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในเรื่องของการฟื้นคืนภูมิปัญญาผ้าไทย ทรงนำผ้าทอมือจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาออกแบบตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ ที่มีความร่วมสมัย และทรงสวมใส่ในหลากหลายวาระโอกาส ด้วยแนวพระดำริที่จะกระตุ้นให้เกิดภาพลักษณ์ร่วมสมัยแก่วงการผ้าไทย สมกับที่ทรงได้รับการถวายรางวัลศิลปาธร ประจำปี 2561 ในสาขาศิลปะการออกแบบ (แฟชั่นและเครื่องประดับ)
น้ำพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ไม่เพียงแต่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน ยังส่งผลให้ประเทศชาติ เกิดความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม, ความมั่นคงทางสังคมและชุมชน ตลอดจนสร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนชาวไทยอย่างอเนกอนันต์ นับเป็นการแบ่งเบาพระราชภารกิจใน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกรชาวไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง.
..........................................
ข้อมูลโดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 ม.ค. 2568 05:00 น.